The Future of Our Education is in Your Hands
The Future of Our Education is in Your Hands
1. นโยบายฉบับนี้ออกตาม “พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โปรดดูนิยามเพิ่มเติมจากเอกสารเหล่านี้
2. เพื่อความมุ่งประสงค์ของนโยบายนี้ ให้ใช้คำนิยามตามที่ระบุไว้ข้างล่างนี้
2.1 ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาที่สามารถระบุตัวตนผู้ใช้บริการรายนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม (แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม)
3. แหล่งข้อมูลส่วนบุคคลที่มูลนิธิเก็บรวบรวม
3.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบุตัวตนของคุณได้โดยตรง รวบรวมจาก เช่น แบบลงทะเบียน การสัมภาษณ์ การวิจัยในชั้นเรียน เป็นต้น
4. ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม
4.1 ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด เลขประจำตัวประชาชน เป็นต้น
4.2 ข้อมูลการติดต่อ เช่น หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล บัญชีเครือข่ายสังคมออนไลน์ ที่อยู่ สถานติดต่อ เป็นต้น
4.3 สำเนาข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง เป็นต้น
4.4 ข้อมูลอื่น ๆ เช่น สื่อ (เรื่องราวที่นำเสนอผ่าน ข้อความ เสียง ภาพถ่าย วิดีโอ หรือสิ่งอื่นในทำนองเดียวกัน) ข้อเสนอแนะ เป็นต้น
5. นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลเด็ก
5.1 หากคุณอายุต่ำกว่า 20 ปี มูลนิธิจะรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่สามารถระบุตัวตนได้ มูลนิธิอาจจำเป็นต้องให้ผู้ปกครองของเด็กรับทราบและให้ความยินยอม หากมูลนิธิทราบว่ามูลนิธิได้รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเด็กโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง มูลนิธิจะดำเนินการลบข้อมูลนั้นออกโดยไม่รอช้า
6.วิธีการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
6.1 มูลนิธิเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในรูปแบบเอกสาร และรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
7. วัตถุประสงค์การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อให้คุณได้มีส่วนร่วมกับมูลนิธิได้ตรงตามความต้องการของคุณ มูลนิธิจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
7.1. เพื่อสร้างและการจัดการบัญชีข้อมูลอาสาสมัคร (หรือเด็ก)
7.2.เพื่อดำเนินการในกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์กิจกรรม
7.3.เพื่อสื่อสารกับคุณโดยตรงเกี่ยวกับข่าวสารกิจกรรมต่าง ๆ
7.4.เพื่อปฏิบัติตามนโยบาย แนวปฎิบัติ และข้อตกลงต่าง ๆ
7.5.เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะและสร้างกิจกรรมที่ดียิ่งขึ้น
8. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล:
มูลนิธิอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของคุณหรือกฎหมาย
9. การบังคับใช้กฎหมายที่มีผลกับมูลนิธิ
ในกรณีที่จำเป็นตามกฎหมายหรือเมื่อหน่วยงานราชการร้องขอ มูลนิธิจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเท่าที่จำเป็นให้แก่หน่วยงานราชการ เช่น ศาล หน่วยงานของรัฐ
10. ระยะเวลาจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
มูลนิธิจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นในระหว่างที่คุณเป็นอาสาสมัครหรือมีความส่วนร่วมอยู่กับมูลนิธิหรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายฉบับนี้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้น หากมีกฎหมายกำหนดไว้ มูลนิธิจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของคุณได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว
11. การรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล
มูลนิธิใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งด้านการบริหารการจัดการ มาตรการด้านเทคนิค และมาตรการป้องกันทางกายภาพที่เหมาะสมและเป็นรูปธรรม เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณไม่ให้สูญหาย ถูกขโมย และป้องกันการเข้าถึง การใช้งาน และการแก้ไขที่ไม่ได้รับอนุญาต มาตรการเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบระดับการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมกับความเสี่ยงของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
12. สิทธิของคุณเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
คุณสามารถขอใช้สิทธิต่าง ๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้ หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่มูลนิธิกำหนดขึ้น
12.1 สิทธิขอถอนความยินยอม: หากคุณได้ให้ความยินยอม มูลนิธิจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่คุณให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น คุณมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดเวลา
12.2 สิทธิขอคัดค้าน: คุณมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในเวลาใดก็ได้ โดยไม่เกินขอบเขตที่คุณสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
12.3 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล: คุณมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่อยู่ในความรับผิดชอบของมูลนิธิและขอให้มูลนิธิทำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่คุณ รวมถึงขอให้มูลนิธิเปิดเผยว่ามูลนิธิได้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณมาได้อย่างไร
12.4 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล: คุณมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
12.5 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล: คุณมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในกรณีที่มูลนิธิได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้มูลนิธิส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่มูลนิธิส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
12.6 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: คุณมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวคุณได้ หากคุณเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของคุณถูกเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่ามูลนิธิหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อคุณได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
12.7 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: คุณมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่มูลนิธิอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของคุณ หรือกรณีอื่นใดที่มูลนิธิหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของคุณตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่คุณขอให้มูลนิธิระงับการใช้แทน
12.8 สิทธิร้องเรียน: คุณมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากคุณเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
13. การแจ้งเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
ในกรณีที่มีเหตุละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเกิดขึ้น มูลนิธิจะแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ชักช้าภายใน 72 ชั่วโมง นับแต่ทราบเหตุเท่าที่สามารถกระทำได้ ในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของคุณ มูลนิธิจะแจ้งเหตุการณ์ละเมิดให้คุณทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยไม่ชักช้าผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น อีเมล และ/หรือ โทรศัพท์ เป็นต้น
14. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
มูลนิธิจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เป็นครั้งคราว โดยคุณสามารถทราบข้อกำหนดและเงื่อนไขนโยบายที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนี้ได้ผ่านทาง ประกาศในเครือข่ายสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ค และ/หรือ ไลน์ เป็นต้น
15. นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขององค์กรอื่น
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ใช้สำหรับการมีส่วนร่วมกับมูลนิธิเท่านั้น หากคุณมีส่วนร่วมในองค์กรอื่นแม้จะผ่านช่องทางทางมูลนิธิ การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลต่าง ๆ จะเป็นไปตามนโยบายความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขององค์กรนั้น ๆ ซึ่งมูลนิธิไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
16. รายละเอียดการติดต่อ
คุณสามารถใช้สิทธิของคุณในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นได้ โดยติดต่อมาที่เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของมูลนิธิ เบอร์ติดต่อ 080-536-3506 และอีเมล policy@saturday-school.org มูลนิธิจะแจ้งผลการดำเนินการภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่มูลนิธิได้รับการแจ้งความประสงค์ดังกล่าว หากมูลนิธิปฏิเสธคำขอข้างต้น มูลนิธิจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้คุณทราบผ่านทาง อีเมล และ/หรือโทรศัพท์